Arsenal news


Arsenal 3 - 0 Hull City


45' [1 - 0] Denilson


59' [2 - 0] Eduardo


80' [3 - 0] A. Diaby




วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

แจ็ค วิลเชียร์







แจ็ค วิลเชียร์อนาคตเทพปืนรายต่อไป


ถ้าบอกว่าดาวรุ่งฝีเท้าดีๆโผล่มาจากอาร์เซนอลอีกแล้วเราคงไม่รู้สึกเซอร์ไพรซ์อะไรเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกแต่มองกลับกันอาร์แซน เวนเกอร์เป็นเพชรของลูกหนังโลกจริงๆที่ผลิตนักเตะเยาวชนสร้างคนให้เป็นคน ฉกมาจากทีมอื่นก็จริงแต่ดีกว่าเลี้ยงไว้แล้วไม่ให้โอกาส วิลเชียร์อยู่กับปืนมาตั้งแต่ 9 ขวบ ดูฝีเท้าแล้วต้องบอกว่าจ่อขึ้นชุดใหญ่เห็นๆ


แม้ว่า ฤดูกาลใหม่ที่จะถึงนี้ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล จะไม่ได้ทุ่มเงินซื้อนักเตะชื่อดังเข้ามาเสริมทัพ แถมยังปล่อยนักเตะแกนหลักของทีมออกไปหลายคน ทั้ง โคโร ตูเร่ กองหลังตัวหลัก หรือ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ กองหน้าตัวความหวังของทีม แต่กระนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ ก็ยังมั่นใจในนักเตะของทีมที่มีอยู่ เพราะบรรดานักเตะที่ยังอยู่กับทีมนั้น ก็ยังเป็นชุดที่น่ากลัว และแข็งแกร่งทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะแนวรุกที่ มีตัวเลือกมากมายทั้ง อังเดร อาร์ชาวิน ,โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา, ธีโอ วัลค็อตต์ และที่ถูกจับตามมองมากที่สุดในเวลานี้คือ เจ้านูแข้งทองคนใหม่ แจ็ค วิลเชียร์ นักเตะอังกฤษผู้มีลาลาการเล่นที่ตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่งเจ้าหนูวิลเชียร์ พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาอย่างมาก จนสามารถก้าวขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ของ อาร์เซน่อล ได้สำเร็จ โดยเฉพาะการโชว์ฟอร์มอันร้อนแรง ในเกมอุ่นเครื่อง ที่ "ปืนใหญ่" ลงเตะศึก เอมิเรตส์ คัพ 2009 เจ้าหนูดาวรุ่งปืนโต ยิ่งได้รับการจับตามองมากยิ่งขึ้น ว่าจะกลายมาเป็นกำลังหลักของทีมต่อไปในอนาคตแจ็ค วิลเชียร์ เป็นนักเตะลูกหม้อของระบบเยาวชนอาร์เซนอล ที่เรียกว่า "Hale End system" ซึ่งก็คือการที่แมวมองมองในระดับท้องถิ่นจะไปมองหาเด็กรักเรียนที่มีแววทั่วอังกฤษ แล้วนำเข้ามาสู่ระบบเยาวชนของสโมสร โดยที่ให้เด็กเหล่านั้นยังคงเรียนหนังสือ ถ้ามีแววว่าจะรุ่งก็จะถูกผูกมัดด้วยสัญญานักเตะเยาวชน จนเมื่อถึงวัย 17 ปี ถ้าใครเข้าตาก็จะได้รับสัญญาเป็นนักเตะอาชีพต่อไป ซึ่งเขาก็อยู่กับอาร์เซนอลมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบเลยทีเดียว




อาร์แซน เวนเกอร์ อาจจะปวดหัวไม่แพ้แฟนกันเนอร์สที่ไม่สามารถหาคำอะไรมาอธิบายได้ถึงเหตุผลผลงานไม่สม่ำเสมอของทีมที่ทำผลงานได้ในระดับ “มาสเตอร์พีซ” ในการสยบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ก็กลับมาเข้าโหมดจำศีลในเกมที่โดนแอสตัน วิลล่า ใช้ความร้อนแรงของแอชลี่ย์ ยัง และกาเบรียล อักบอนลาฮอร์ บุกมาคว้าชัยชนะไปได้ 2-0
แต่บนกราฟผลงานที่เป็นเส้นขึ้นสูงและลงต่ำสลับกันนั้น ยังมีสิ่งที่ทำให้ปราชญ์ลูกหนังช่าวฝรั่งเศสและแฟนๆยิ้มได้
“ยังกันส์” ของเวนเกอร์ กำลังเป็นความภูมิใจสูงสุดสำหรับชาวอาร์เซนอลในเวลานี้
ผลงานของเด็กๆที่ “ครูใหญ่” เฝ้าฟูมฟักอย่างดีไม่ต่างอะไรจากไข่ในหินกำลังดีวันดีคืน กลุ่มสายเลือดใหม่ที่เต็มไปด้วยนักเตะพรสวรรค์ยิ่งเล่นก็ยิ่งเป็นขวัญใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่คาร์ลอส เบล่า กำลังรอวันที่จะก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์คนใหม่ของทีมต่อจากเซสก์ ฟาเบรกาส และธีโอ วัลคอตต์
มีเด็กคนหนึ่งที่กำลังเข้าข่าย “ปรากฏการณ์” ไม่ต่างกัน
กองกลางที่เล่นได้หมดไม่ว่าจะเป็นปีกซ้าย ขวา หรือเพลย์เมคเกอร์ตัวต่ำ ที่สามารถจ่ายบอลได้แม่นยำราวจับวางและเลี้ยงบอลทะลุทะลวงด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่าเด็กวัยเดียวกันทั่วไป
หลายคนบอกว่านี่คือทายาทอย่างไม่เป็นทางการของพอล แกสคอยน์ อดีตอัจฉริยะลูกหนังโลกไม่ลืมของชาวเมืองผู้ดี
เจ้าหนูคนที่ว่านี้คือ “The Next Gazza” แจ็ค วิลเชียร์

ด้วยวัยเพียง 16 ปี วิลเชียร์ จึงกลายเป็นจุดสนใจไปโดยปริยายตามประสาคอลูกหนังที่นิยมชมชอบในการยลฝีเท้าของเจ้าหนูผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ทั้งหลาย
แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาก็คือ คนที่เฝ้าเอาใจช่วยเขานั้นไม่ใช่มีเพียงแต่แฟนบอลหรือผู้จัดการทีมเท่านั้น
บนอัฒจันทน์ในเกมคาร์ลิ่ง คัพ รอบที่ 3 ที่คาร์ลอส เบล่า เหมาแฮตทริกในเกมกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด มีแมวมองของทีมชาติอังกฤษชุดยู 21 ที่อยู่ไม่ไกลจากซินญอร์ฟาบิโอ คาเปลโล่ นายใหญ่สิงโตคำราม และฟรังโก้ บัลดินี่ ผู้ช่วย รวมถึง “ไซโค” สจ๊วร์ต เพียร์ซ กุนซือสิงโตน้อย
คนทั่วไปย่อมจับตาผลงานของเบล่าเป็นพิเศษ ในฐานะผู้มีประกายของซูเปอร์สตาร์ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
แต่สำหรับกลุ่มคนข้างบนนั้น ผลงานของเจ้าหนูผู้มีเท้าซ้ายที่นุ่มนวลทำให้พวกเขาต้องกลับมาอีกครั้งเพื่อดูแจ็ค วิลเชียร์ อยู่บนอัฒจันทน์ที่สนามเอมิเรตส์ ในเกมที่อาร์เซนอล พบกับวีแกน
และทุกคนก็ต้องลุกขึ้นปรบมือให้เมื่อได้เห็นการจ่ายบอลทะลุช่องแหวกระหว่างแนวรับของวีแกน ให้เพื่อนตัวน้อยอีกคนอย่างเจย์ ซิมป์สัน โฉบเข้าไปยิงประตูขึ้นนำให้กันเนอร์ส
มันเป็นการจ่ายบอลที่บ่งบอกถึงพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาในตัวของวิลเชียร์ ที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงเพิ่งจะได้รับการประกาศเรียกตัวให้ติดทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 21 ปีในเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติสาธารณรัฐเชค
ทั้งที่ความจริงเขาเพิ่งจะกลับจากการเดินทางไปเก็บตัวกับทีมชาติอังกฤษ ชุดอายุต่ำกว่า 17 ปีที่เตเรนิเฟ่ ในสเปนได้ไม่นาน
คำถามสำคัญสำหรับกลุ่มคนที่ทำงานในทีมชาติทุกคนเวลานี้จึงปรากฏขึ้น
จะเอาเด็กคนนี้ขึ้นชั้นเมื่อไหร่ดี?

มองตามความเป็นไปได้แล้ว วิลเชียร์ น่าจะมีโอกาสได้ติดทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 21 ปีของเพียร์ซ เพื่อไปร่วสมเล่นในรายการฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรุ่นยู 21 ที่จะมีขึ้นในสวีเดน ในช่วงซัมเมอร์หน้า
แต่ในเวลานี้เขายังไม่ได้เซ็นแม้กระทั่งสัญญานักฟุตบอลอาชีพด้วยซ้ำไป!
เพราะด้วยวัย 16 ปีนั้นทำให้อาร์เซนอล ไม่สามารถจะจับวิลเชียร์ เซ็นสัญญานักฟุตบอลอาชีพได้จนกว่าจะอายุครบ 17 ปีในวันที่ 1 มกราคมที่จะถึงนี้ (เกิดวันปีใหม่พอดีเสียด้วย!)
อย่างไรก็ดี เวลานี้วิลเชียร์ มีแฟนพันธุ์แท้ที่พร้อมจะเฝ้าติดตามผลงานของเจ้าหนู (ที่ยังเป็น “เด็กทน) หลายคน
หนึ่งในนั้น (นอกจากผู้เขียน) ก็คือ “ดอน ฟาบิโอ” นั่นเอง
“ถ้าเขาอยากจะมีตัวเลือกดีๆตอนนี้ เขาก็ควรจะมานั่งดูเกมคาร์ลิ่ง คัพ ของเรา” เวนเกอร์แหย่คาเปลโล่ อย่างอารมณ์ดีหลังจากที่ทีมไล่ยำวีแกนไป 3-0 และได้ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว
“เรามีอนาคตที่สดใสแน่ๆ” ปราชญ์ลูกหนังย้ำ “เกวิน ฮอยท์, คีแรน กิ๊บส์, มาร์ค แรนดอลล์, แจ็ค วิลเชียร์ 4 คนนี้เป็นเจ้าหนูระดับท็อปคลาส เจย์ ซิมป์สันก็เหมือนกัน ส่วนบนม้านั่งสำรองเราก็ยังมีเอ็มมานูฌอล ฟริมพอง, เฮนรี่ แลนส์บิวรี่ ทั้งหมดเป็นนักเตะระดับสุดยอดทั้งนั้น ถ้าให้เวลาผมหน่อย ผมจะค่อยๆดันพวกเขาขึ้นมาเอง”
สำหรับวิลเชียร์ เจ้าหนูมหัศจรรย์ที่สร้างความตื่นตะลึงได้มากที่สุดในทีมอาร์เซนอล ในฐานะ “ตัวละครลับ” ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีพรสวรรค์โดดเด่นอะไรขนาดนี้นั้น
ความจริงแล้วเวนเกอร์ นี่แหละเป็นคนที่พยายามตามไปเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ของเจ้าหนูแจ็คถึงบ้านที่ฮิตชิน ให้ยอมเซ็นสัญญาย้ายมาอยู่ด้วยตั้งแต่อายุ 9 ขวบเลยทีเดียว
มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ยอดกุนซือชาวฝรั่งเศส ผู้ศรัทธากับการวางรากฐานทีมเยาวชนได้พยายามไปขอร้อง เกลี้ยกล่อม และให้คำมั่นกับพ่อแม่ของธีโอ วัลคอตต์ ว่าลูกของเขาจะได้รับการดูแลอย่างดีถ้าย้ายจากเซาแธมป์ตัน มาอยู่กับอาร์เซนอล

ที่อาร์เซนอลนั้น วิลเชียร์ ดูจะได้รับการเปรียบเทียบกับเลียม เบรดี้ อดีตมิดฟิลด์ขวัญใจชาวกันเนอร์ในยุคเมื่อ 20 ปีปีก่อนที่ปัจจุบันเป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนาเยาวชนของอาร์เซนอล (ก็เป็นคนดูแลวิลเชียร์นี่แหละ!) เพียงแต่ในความเป็นจริงแล้วสไตล์การเล่นของทั้งสองนั้นค่อนข้างที่จะมีความแตกต่างกันพอสมควร
ด้วยส่วนสูง 5 ฟุตบอล 7 นิ้ว วิลเชียร์ ดูจะมีความคล้ายคลึงกับพอล แกสคอยน์ มากกว่า โดยเฉพาะเมื่อดูถึงลีลาท่าทางยามโลดแล่นในสนาม ท่าทางหยิ่งๆเชิดๆ
แม้จะไม่ได้ตัวใหญ่ยักษ์ แต่วิลเชียร์ ก็ไม่เคยกลัวที่จะใช้สรีระร่างกายให้เป็นประโยชน์ เช่น การบังบอลและไม่กลัวที่จะโดนประกบติด
เหตุผลนั้นเป็นเพราะทักษะในการครอบครองบอลของเขานั้นยอเเยี่ยมมาก นอกจากนี้ยังเป็นมิดฟิลด์ที่มีสัญชาติญาณในการล่าตาข่าย จ่ายบอลแม่นยำ รวมถึงการควบคุมอารมณ์ที่สงบเยือกเยนเสมอ
“ไม่ธรรมดา” คือคำจำกัดความที่เวนเกอร์ ให้ไว้กับเด็กคนนี้
การถือกำเนิดขึ้นของวิลเชียร์ในทีมกันเนอร์ส ยังชวนให้คิดถึงอีกหนึ่งเจ้าหนูมหัศจรรย์ที่ปัจจุบันเป็นทั้งสมองและหัวใจของทีมอย่างเซสก์ ฟาเบรกาส ที่ครองสถิตินักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงสนาม (16 ปี 177 วัน) ในขณะที่วิลเชียร์ ไม่ชนะในสถิตินั้นแต่ก็ไปทำสถิติอื่นแทน คือการเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของอาร์เซนอลที่ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก (16 ปี 256 วัน) ซึ่งถือว่าดีกว่าเซสก์เสียอีก
สองคนนี้อาจมีประกายของนักฟุตบอลพรสวรรค์ด้วยกันทั้งคู่ แต่เวนเกอร์ ก็ได้ชี้ให้เห็นถึงจุดแตกต่างของสองคนนี้
“พวกเขาเป็นนักเตะในสไตล์ที่แตกต่างกัน” เวนเกอร์ กล่าวถึงศิษย์รักทั้งสอง
“วิลเชียร์จะเป็นจอมเลื้อยมากกว่า ส่วนเซสก์จะเป็นจอมจ่ายบอล แจ็ค ถนัดในการเปลี่ยนทิศทางระหว่างครองบอลและจ่ายบอล ส่วนเซสก์ จะเป็นห้องเครื่องที่คอยจ่ายบอลด้วยสายตาที่รวดเร็ว เราสามารถจินตนาการว่าเด็กสองคนนี้จับคู่เล่นด้วยกันได้อย่างลงตัว”
“อย่างเซสก์ เขาเป็นพวกใจสู้ เขาไม่เคยกลัวการปะทะกันเขาชอบเกมแบบนั้น ไม่เคยกลัวอะไรเลย เขาจะครองบอลไว้ไม่ว่าจะที่ไหนเมื่อไหร่ยังไงหรือต้องเล่นกับใคร นั่นเป็นธรรมชารติของเขา ส่วนวิลเชียร์ สามารถเล่นได้ทั้ง 2 กราบหรือจะให้ยืนหลังกองหน้าก็ได้ เขาสามารถเล่นได้ทั้งกลางสนามหรือจะดันขึ้นข้างหน้าก็ได้ทั้งนั้น”
ทั้งนี้แม้จะเคยบอกว่าขอเวลาในการ “บ่ม” วิลเชียร์ ให้พร้อมกว่านี้ แต่เวนเกอร์ กลับรีบเปิดทางให้เจ้าหนูคนนี้หลังทำผลงานสุดยอดในฤดูกาลที่แล้วด้วยการยิงไป 13 ประตูจากการเล่น 19 เกมในทีมชุดอายุต่ำกว่า 18 ปีของอาร์เซนอล
วิลเชียร์ คือนักเตะอายุน้อยที่สุดที่เวนเกอร์ดึงตัวมาเข้าค่ายเก็บตัวในช่วงปรีซีซั่นที่ออสเตรีย และเจ้าหนูคนนี้ก็ไม่รอโอกาสนานเพราะสามารถยิงได้ 2 ประตูในเกมกับเบอร์เกนลันด์ และสตุ๊ทการ์ท ก่อนจะได้เจอกับทีมยักษ์ใหญ่อย่างยูเวนตุสและเรอัล มาดริด ในเกมอุ่นเครื่องที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
นี่คือความภูมิใจครั้งใหม่สำหรับเวนเกอร์ ที่จะได้ดันเด็กคนนี้ - ที่คาดว่าจะเป็นหนึ่งในแกนนำของสายเลือดใหม่อาร์เซนอล ที่น่าจะสร้างปรากฏการณ์เหมือนที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยดันเด็กใน “ยุคทอง” อย่างเดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, พี่น้องเนวิลล์ และนิคกี้ บัตต์ ขึ้นมาช่วยทีมจนคว้าแชมป์ได้
ขณะที่เบรดี้ กล่าวถึงวิลเชียร์ เด็กที่เกิดในครอบครัวที่ดีและได้รับการสั่งสอนมาอย่างดีจากครอบครัวให้ทำตัวติดดิน สงบเสงี่ยม เคารพและเชื่อฟังผู้ใหญ่เสมอว่า “แจ็ค วิลเชียร์ ตอนนี้เริ่มที่จะมีชื่อเสียงแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นเด็กหนุ่มที่ทำตัวติดดินเสมอ”
“เขาต้องการจะประสบความสำเร็จในวงการฟุตบอลให้ได้ และเป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่นมาก ผมคิดว่าแจ็ค มีความพิเศษอยู่ในตัว”
“ข้อได้เปรียบสำหรับเด็กๆพวกนี้ที่อาร์เซนอลก็คือการที่มีผู้จัดการทีมที่ตั้งใจจะทำงานร่วมกับเด็กๆเหล่า”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสัปดาห์ที่มีเกมทีมชาติ เขาจะพาเด็กๆพวกนี้มาซ้อมด้วยและจะเติมความมั่นใจให้เด็กๆได้กลายเป็นแบบฉบับในอย่างที่อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องการ เพียงแต่ต้องไม่มั่นใจจนเกินไปเท่านั้น”
ใช่ - มั่นใจแต่ไม่มากเกินไป สงบเสงี่ยมแต่ไม่เจียมตัวที่จะโชว์พรสวรรค์
แจ็ค วิลเชียร์ … จำชื่อนี้ไว้ให้ดีๆแล้วกัน

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

walcott-world



Theo walcott ...เพชรเม็ดงามที่กำลังถูกเจียรไนจากสุดยอดฝีมือเวนเกอร์

2 นัด 5 ประตูที่ยิงสปาร์ต้า ปราก ทำให้อาร์เซนอลผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกไปแบบสบายๆ
และเพชรเม็ดเล็กๆก็เริ่มฉายแสงอย่างเด่นชัดในนัดนี้ ธีโอ วัลคอตต์ พิสูจน์ตัวเองว่าพร้อมแล้วที่จะก้าวพ้นขีดจำกัดของตัวเอง ในนัดที่ขุนพล"ยังกันส์"ของเวนเกอร์เข้ารอบต่อไปของฟุตบอลรายการนี้อย่างสง่างาม

"วัลคอตต์ตีนจรวด" ลงสนามเป็นตัวจริงในฐานะปีกขวาและเป็นความน่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริง ความกระตือรือร้น ทักษะและการพยายามทำเกมของวัลคอตต์ ได้พิสูจน์อะไรบางอย่างต่อหลายคนที่ยังคงสงสัยอยู่ว่า เวนเกอร์นั้นเห็นอะไรในตัววัลคอตต์ เขาจึงเชื่อมั่นในตัวเด็กน้อยคนนี้นัก
เธียรี่ อองรี จากไปเพื่อร่วมทีมบาเซโลน่า เข้าใจว่าเพื่อต้องการทีมที่สามารถทำให้เขาได้สัมผัสถ้วยแชมป์เปี้ยนลีก และทิ้งคำถามมากมายไว้เบื้องหลัง ว่าทีมที่เขาจากมานั้นจะมีศักยภาพสักแค่ไหนเมื่อขาดเขา
แต่เรื่องแค่นั้นมีหรือเวนเกอร์จะสน เขาปล่อยให้อดีตกัปตันทีมจากไป พร้อมกับใส่ความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมกับทีมคนหนุ่มที่กำลังโตวันโตคืน พร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะนำลูกทีมก้าวไปเผชิญหน้าและเอาชนะทุกทีมในยุโรปให้ได้ เพื่อคว้าถ้วยใบใหญ่มาสู่สโมสรที่เขาอยู่มาด้วยกว่าทศวรรษ
เกมนัดนี้เรายังได้เห็นการยิงประตูที่เฉียบขาดของเชส ฟราเบรกัส ซึ่งเกิดจากการส่งบอลของ "ดูดู้" เอดูอาโด้ ดาซิลวา นักเตะค่าตัว 8 ล้านปอนด์ ผู้ถูกดึงเข้ามาสู่ทีมแทนที่การจากไปของอองรี นอกจากการเปิดที่สวยงาม การเข้าฮอร์สของเขาจากลูกเปิดของเดนิลสัน ก็ทำให้เขาจารึกชื่อตัวเองในเอมิเรตส์ สเตเดียมได้ อีกทั้งยังเป็นประตูแรกอย่างเป็นทางการในสีเสื้ออาร์เซนอล และถือเป็นการการันตีที่นั่งในโถจับฉลากแบ่งกลุ่ม ที่จะจัดขึ้นที่โมนาโก ประเทศฝรั่งเศสวันนี้
ขณะเดียวกันในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลนี้ ธีโอ วัลคอตต์นั้นอาจจะยังทำผลงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันนัก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เวนเกอร์เชื่อมั่นในตัวเขาน้อยลง ทำให้ตัวรุกวัย 18 ปีได้มีส่วนร่วมกับทีมอาร์เซนอลอย่างมาก หลังเขากลับมา จากอาการบาดเจ็บบริเวณหัวใหล่ และนัดนี้ก็เป็นนัดแรกที่เขาได้ลงเป็นตัวจริงในถิ่นเอมิเรตส์ในฤดูกาลนี้
หลังการกระชากไปที่เส้นหลังแล้วแตะบอลกลับมาให้โรซิคกี้ยิง ในนาทีที่ 7 ของการแข่งขันนอกจากทำให้โรซิคกี้ทำประตูแรกของตัวเองในฤดูกาลนี้ได้สำเร็จแล้ว นั่นยังเป็นการให้คำมั่นที่สะเทือนก้องไปถึงหัวใจ และยังเป็นคำตอบต่อแฟนๆที่หนุนหลังเขามาตลอด พร้อมทั้งให้แฟนๆเชื่อได้เลยว่า มันยังมีมากกว่านั้นที่จะตามมาจากฝีเท้าของเขา
หลังการติดทีมชาติอังกฤษไปลุยศึกฟุตบอลโลกอย่างเหนือความคาดหมาย แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่ได้รับโอกาสให้ลงเล่นเลย มาวันนี้วัลคอตต์โตขึ้น แข็งแกร่งขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ และภายใต้สุดยอดนักเจียรไนอย่างเวนเกอร์ เพชรเม็ดงามชิ้นนี้ก็พร้อมที่จะเปล่งประกาย จากดาวรุ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดก้าวไปสู่อัจฉริยะลูกหนังคนใหม่ที่เกิดจากมือของเวนเกอร์ต่อจากเด็กหนุ่มชาวเสปนที่ชื่อ เชส ฟราเบรกัส
ฟราเบรกัสที่วันนี้นั่งเป็นตัวสำรอง หลังจากที่นัดแรกได้เป็นตัวจริง และมีการปะทะกันในสนามกับ โทมัส เรปกา ที่ก่อนเกมนั้นประกาศจะหม่ำขุนพลอาร์เซนอลเป็นอาหารเย็น แต่แล้วกลับโดนฟราเบกัส สอยซะอยู่ เกมนี้เขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนดิอาบี้ ในนาทีที่ 68 และเป็นอีกครั้งที่เขาพิสูจน์ว่าพลังในตัวของเขาสามารถปลุกเกมของอาร์เซนอลได้
ด้วยการทำทางของของดูดู้ ที่เกมนี้เล่นได้อย่างทรงพลัง ด้วยรูปร่างที่ไม่ใหญ่นักแต่กลับแข็งแกร่งเหลือเกิน เขากระชากผ่านผู้เล่นกองหลังสปาร์ต้าแล้วตบกลับมาให้ฟราเบรกัสจบสกอร์ ดูไปก็คล้ายๆจังหวะของธีโอเพียงแต่เกิดขึ้นคนละฝั่งประตูเท่านั้น
การทำประตูของฟาเบรกัส แสดงให้เห็นแนวทางการเล่นที่หลากหลายขึ้นกว่าฤดูกาลก่อน ที่ถ้าอองรีหรือฟาน เพอร์ซี่ ทำประตูไม่ได้ทีมก็ไม่ต้องสะกดคำว่าชนะ เพราะกองกลางอาร์เซนอลทำประตูกันแทบจะไม่ได้เลย มาฤดูกาลนี้ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อแผงมิดฟิลด์ผลัดกันทำประตูได้อยู่ตลอด ทั้งฟาเบรกัส เคล็บ และล่าสุดโรซิคกี้ ซึ่งเขาต้องขอบคุณวัลคอตต์ ที่เปิดบอลให้อย่างสวยงาม
ก็ต้องดูกันต่อนับจากวันนี้ว่าวัลคอตต์นั้นจะพัฒนาตัวเองไปถึงขั้นไหน หลังจากที่ฉายแววเจิดจรัสในนัดนี้ แต่อาจจะไม่ต้องห่วงมากนักและแทบจะแน่ใจได้เลยว่า ไม่นานโลกลูกหนังและตำนานของสโมสรจะต้องปรากฏชื่อเด็กหนุ่มชาวอังกฤษนาม ธีโอ วัลคอตต์ จารึกอยู่เป็นแน่ เพราะวันนี้เขาอยู่ในมือของสุดยอดนักเจียรไนอย่าง อาเเซน เวนเกอร์

วัลคอตด์ได้สร้างเซอร์ไพติดทีมชาติอังกฤษในวัย 17 กะรัต ไปลุยฟุตบอลโลกในปี 2006

Walcott เป็นดาวรุ่งที่พุ่งขึ้นมาแรงมากเหมือนกับรุ่นพี่ของเขา ในทีมชาติอย่าง Wayne Rooney โดยเจ้าหนู Theo โด่งดังขึ้นมากับ Southampton ด้วยลีลาการเล่นฟุตบอลที่เร็ว และ ลากเลื้อยได้เร้าใจทั้งที่อายุแค่ 16 ปี แต่ลงต่อกรกับผู้ใหญ่ได้สบาย ทำให้ทีม บิ๊กโฟร์ ในอังกฤษ ล้วนให้ความสนใจดาวรุ่งคนนี้ แต่ท้ายที่สุดเป็น Arsenal ที่ได้ตัวเขามาร่วมทีม และ Walcott ที่ยังไม่เคยได้ลงให้กับ Arsenal ซักนัดก็ทำเซอไพรส์เมื่อมีชื่อติดไปลุยฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมัน จากการเรียกตัวของ Sven Goran Eriksson กุนซือทีมชาติ อังกฤษในขณะนั้น แบบที่ตัวเขาเองก็ยังไม่อยากเชื่อ
แม้ว่าจะไม่ได้ลงเล่นซักนาที แต่ Theo ก็ได้ประสบการณ์มาไม่น้อย และมาเริ่มมีส่วนร่วมกับ Arsenal ในฤดูกาล 2006-2007 โดยได้ลงเล่นในนัดชิงคาร์ลลิ่งคัพกับ Chelsea และ Walcott ทำประตูได้ด้วย แต่สุดท้าย Chelsea แซงเข้าป้ายไป 2-1 ต่อมาในฤดูกาลถัดมาจากการจากทีมไปของ Henry ทำให้ Walcott ได้รับเสื้อเบอร์ 14 ของ Henry จากการที่เขามีลีลาการเล่นที่คล้ายกัน และ Walcott ก็เริ่มเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ จนขึ้นมาเป็นตัวจริงให้ Arsenal บ่อยครั้งด้วยความเร็วที่แทบจะหาคนมาตามให้ทันไม่ได้ของเขาทำให้เป็นประโยชน์ต่อทีมมาก
กับทีมชาติ อังกฤษ หลังจากได้ไปลุยฟุตบอลโลก 2006 Walcott ก็ไม่ได้ติดทีมชาติอีกเพราะ Sven ได้ลาจากการคุมทีมไป Walcott ใช้เวลาเกือบปี หลังจากนั้นในการกลับมาติดทีมชาติชุดใหญ่อีกครั้ง โดยเขามักได้ลงเล่นในตำแหน่งปีกขวามากกว่าทั้งกับทีมชาติ และ กับ Arsenal

ค้นหา