


อาร์แซน เวนเกอร์ อาจจะปวดหัวไม่แพ้แฟนกันเนอร์สที่ไม่สามารถหาคำอะไรมาอธิบายได้ถึงเหตุผลผลงานไม่สม่ำเสมอของทีมที่ทำผลงานได้ในระดับ “มาสเตอร์พีซ” ในการสยบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ก็กลับมาเข้าโหมดจำศีลในเกมที่โดนแอสตัน วิลล่า ใช้ความร้อนแรงของแอชลี่ย์ ยัง และกาเบรียล อักบอนลาฮอร์ บุกมาคว้าชัยชนะไปได้ 2-0
แต่บนกราฟผลงานที่เป็นเส้นขึ้นสูงและลงต่ำสลับกันนั้น ยังมีสิ่งที่ทำให้ปราชญ์ลูกหนังช่าวฝรั่งเศสและแฟนๆยิ้มได้
“ยังกันส์” ของเวนเกอร์ กำลังเป็นความภูมิใจสูงสุดสำหรับชาวอาร์เซนอลในเวลานี้
ผลงานของเด็กๆที่ “ครูใหญ่” เฝ้าฟูมฟักอย่างดีไม่ต่างอะไรจากไข่ในหินกำลังดีวันดีคืน กลุ่มสายเลือดใหม่ที่เต็มไปด้วยนักเตะพรสวรรค์ยิ่งเล่นก็ยิ่งเป็นขวัญใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่คาร์ลอส เบล่า กำลังรอวันที่จะก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์คนใหม่ของทีมต่อจากเซสก์ ฟาเบรกาส และธีโอ วัลคอตต์
มีเด็กคนหนึ่งที่กำลังเข้าข่าย “ปรากฏการณ์” ไม่ต่างกัน
กองกลางที่เล่นได้หมดไม่ว่าจะเป็นปีกซ้าย ขวา หรือเพลย์เมคเกอร์ตัวต่ำ ที่สามารถจ่ายบอลได้แม่นยำราวจับวางและเลี้ยงบอลทะลุทะลวงด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่าเด็กวัยเดียวกันทั่วไป
หลายคนบอกว่านี่คือทายาทอย่างไม่เป็นทางการของพอล แกสคอยน์ อดีตอัจฉริยะลูกหนังโลกไม่ลืมของชาวเมืองผู้ดี
เจ้าหนูคนที่ว่านี้คือ “The Next Gazza” แจ็ค วิลเชียร์
ด้วยวัยเพียง 16 ปี วิลเชียร์ จึงกลายเป็นจุดสนใจไปโดยปริยายตามประสาคอลูกหนังที่นิยมชมชอบในการยลฝีเท้าของเจ้าหนูผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ทั้งหลาย
แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาก็คือ คนที่เฝ้าเอาใจช่วยเขานั้นไม่ใช่มีเพียงแต่แฟนบอลหรือผู้จัดการทีมเท่านั้น
บนอัฒจันทน์ในเกมคาร์ลิ่ง คัพ รอบที่ 3 ที่คาร์ลอส เบล่า เหมาแฮตทริกในเกมกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด มีแมวมองของทีมชาติอังกฤษชุดยู 21 ที่อยู่ไม่ไกลจากซินญอร์ฟาบิโอ คาเปลโล่ นายใหญ่สิงโตคำราม และฟรังโก้ บัลดินี่ ผู้ช่วย รวมถึง “ไซโค” สจ๊วร์ต เพียร์ซ กุนซือสิงโตน้อย
คนทั่วไปย่อมจับตาผลงานของเบล่าเป็นพิเศษ ในฐานะผู้มีประกายของซูเปอร์สตาร์ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
แต่สำหรับกลุ่มคนข้างบนนั้น ผลงานของเจ้าหนูผู้มีเท้าซ้ายที่นุ่มนวลทำให้พวกเขาต้องกลับมาอีกครั้งเพื่อดูแจ็ค วิลเชียร์ อยู่บนอัฒจันทน์ที่สนามเอมิเรตส์ ในเกมที่อาร์เซนอล พบกับวีแกน
และทุกคนก็ต้องลุกขึ้นปรบมือให้เมื่อได้เห็นการจ่ายบอลทะลุช่องแหวกระหว่างแนวรับของวีแกน ให้เพื่อนตัวน้อยอีกคนอย่างเจย์ ซิมป์สัน โฉบเข้าไปยิงประตูขึ้นนำให้กันเนอร์ส
มันเป็นการจ่ายบอลที่บ่งบอกถึงพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาในตัวของวิลเชียร์ ที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงเพิ่งจะได้รับการประกาศเรียกตัวให้ติดทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 21 ปีในเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติสาธารณรัฐเชค
ทั้งที่ความจริงเขาเพิ่งจะกลับจากการเดินทางไปเก็บตัวกับทีมชาติอังกฤษ ชุดอายุต่ำกว่า 17 ปีที่เตเรนิเฟ่ ในสเปนได้ไม่นาน
คำถามสำคัญสำหรับกลุ่มคนที่ทำงานในทีมชาติทุกคนเวลานี้จึงปรากฏขึ้น
จะเอาเด็กคนนี้ขึ้นชั้นเมื่อไหร่ดี?
มองตามความเป็นไปได้แล้ว วิลเชียร์ น่าจะมีโอกาสได้ติดทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 21 ปีของเพียร์ซ เพื่อไปร่วสมเล่นในรายการฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรุ่นยู 21 ที่จะมีขึ้นในสวีเดน ในช่วงซัมเมอร์หน้า
แต่ในเวลานี้เขายังไม่ได้เซ็นแม้กระทั่งสัญญานักฟุตบอลอาชีพด้วยซ้ำไป!
เพราะด้วยวัย 16 ปีนั้นทำให้อาร์เซนอล ไม่สามารถจะจับวิลเชียร์ เซ็นสัญญานักฟุตบอลอาชีพได้จนกว่าจะอายุครบ 17 ปีในวันที่ 1 มกราคมที่จะถึงนี้ (เกิดวันปีใหม่พอดีเสียด้วย!)
อย่างไรก็ดี เวลานี้วิลเชียร์ มีแฟนพันธุ์แท้ที่พร้อมจะเฝ้าติดตามผลงานของเจ้าหนู (ที่ยังเป็น “เด็กทน) หลายคน
หนึ่งในนั้น (นอกจากผู้เขียน) ก็คือ “ดอน ฟาบิโอ” นั่นเอง
“ถ้าเขาอยากจะมีตัวเลือกดีๆตอนนี้ เขาก็ควรจะมานั่งดูเกมคาร์ลิ่ง คัพ ของเรา” เวนเกอร์แหย่คาเปลโล่ อย่างอารมณ์ดีหลังจากที่ทีมไล่ยำวีแกนไป 3-0 และได้ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว
“เรามีอนาคตที่สดใสแน่ๆ” ปราชญ์ลูกหนังย้ำ “เกวิน ฮอยท์, คีแรน กิ๊บส์, มาร์ค แรนดอลล์, แจ็ค วิลเชียร์ 4 คนนี้เป็นเจ้าหนูระดับท็อปคลาส เจย์ ซิมป์สันก็เหมือนกัน ส่วนบนม้านั่งสำรองเราก็ยังมีเอ็มมานูฌอล ฟริมพอง, เฮนรี่ แลนส์บิวรี่ ทั้งหมดเป็นนักเตะระดับสุดยอดทั้งนั้น ถ้าให้เวลาผมหน่อย ผมจะค่อยๆดันพวกเขาขึ้นมาเอง”
สำหรับวิลเชียร์ เจ้าหนูมหัศจรรย์ที่สร้างความตื่นตะลึงได้มากที่สุดในทีมอาร์เซนอล ในฐานะ “ตัวละครลับ” ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีพรสวรรค์โดดเด่นอะไรขนาดนี้นั้น
ความจริงแล้วเวนเกอร์ นี่แหละเป็นคนที่พยายามตามไปเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ของเจ้าหนูแจ็คถึงบ้านที่ฮิตชิน ให้ยอมเซ็นสัญญาย้ายมาอยู่ด้วยตั้งแต่อายุ 9 ขวบเลยทีเดียว
มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ยอดกุนซือชาวฝรั่งเศส ผู้ศรัทธากับการวางรากฐานทีมเยาวชนได้พยายามไปขอร้อง เกลี้ยกล่อม และให้คำมั่นกับพ่อแม่ของธีโอ วัลคอตต์ ว่าลูกของเขาจะได้รับการดูแลอย่างดีถ้าย้ายจากเซาแธมป์ตัน มาอยู่กับอาร์เซนอล
ที่อาร์เซนอลนั้น วิลเชียร์ ดูจะได้รับการเปรียบเทียบกับเลียม เบรดี้ อดีตมิดฟิลด์ขวัญใจชาวกันเนอร์ในยุคเมื่อ 20 ปีปีก่อนที่ปัจจุบันเป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนาเยาวชนของอาร์เซนอล (ก็เป็นคนดูแลวิลเชียร์นี่แหละ!) เพียงแต่ในความเป็นจริงแล้วสไตล์การเล่นของทั้งสองนั้นค่อนข้างที่จะมีความแตกต่างกันพอสมควร
ด้วยส่วนสูง 5 ฟุตบอล 7 นิ้ว วิลเชียร์ ดูจะมีความคล้ายคลึงกับพอล แกสคอยน์ มากกว่า โดยเฉพาะเมื่อดูถึงลีลาท่าทางยามโลดแล่นในสนาม ท่าทางหยิ่งๆเชิดๆ
แม้จะไม่ได้ตัวใหญ่ยักษ์ แต่วิลเชียร์ ก็ไม่เคยกลัวที่จะใช้สรีระร่างกายให้เป็นประโยชน์ เช่น การบังบอลและไม่กลัวที่จะโดนประกบติด
เหตุผลนั้นเป็นเพราะทักษะในการครอบครองบอลของเขานั้นยอเเยี่ยมมาก นอกจากนี้ยังเป็นมิดฟิลด์ที่มีสัญชาติญาณในการล่าตาข่าย จ่ายบอลแม่นยำ รวมถึงการควบคุมอารมณ์ที่สงบเยือกเยนเสมอ
“ไม่ธรรมดา” คือคำจำกัดความที่เวนเกอร์ ให้ไว้กับเด็กคนนี้
การถือกำเนิดขึ้นของวิลเชียร์ในทีมกันเนอร์ส ยังชวนให้คิดถึงอีกหนึ่งเจ้าหนูมหัศจรรย์ที่ปัจจุบันเป็นทั้งสมองและหัวใจของทีมอย่างเซสก์ ฟาเบรกาส ที่ครองสถิตินักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงสนาม (16 ปี 177 วัน) ในขณะที่วิลเชียร์ ไม่ชนะในสถิตินั้นแต่ก็ไปทำสถิติอื่นแทน คือการเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของอาร์เซนอลที่ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก (16 ปี 256 วัน) ซึ่งถือว่าดีกว่าเซสก์เสียอีก
สองคนนี้อาจมีประกายของนักฟุตบอลพรสวรรค์ด้วยกันทั้งคู่ แต่เวนเกอร์ ก็ได้ชี้ให้เห็นถึงจุดแตกต่างของสองคนนี้
“พวกเขาเป็นนักเตะในสไตล์ที่แตกต่างกัน” เวนเกอร์ กล่าวถึงศิษย์รักทั้งสอง
“วิลเชียร์จะเป็นจอมเลื้อยมากกว่า ส่วนเซสก์จะเป็นจอมจ่ายบอล แจ็ค ถนัดในการเปลี่ยนทิศทางระหว่างครองบอลและจ่ายบอล ส่วนเซสก์ จะเป็นห้องเครื่องที่คอยจ่ายบอลด้วยสายตาที่รวดเร็ว เราสามารถจินตนาการว่าเด็กสองคนนี้จับคู่เล่นด้วยกันได้อย่างลงตัว”
“อย่างเซสก์ เขาเป็นพวกใจสู้ เขาไม่เคยกลัวการปะทะกันเขาชอบเกมแบบนั้น ไม่เคยกลัวอะไรเลย เขาจะครองบอลไว้ไม่ว่าจะที่ไหนเมื่อไหร่ยังไงหรือต้องเล่นกับใคร นั่นเป็นธรรมชารติของเขา ส่วนวิลเชียร์ สามารถเล่นได้ทั้ง 2 กราบหรือจะให้ยืนหลังกองหน้าก็ได้ เขาสามารถเล่นได้ทั้งกลางสนามหรือจะดันขึ้นข้างหน้าก็ได้ทั้งนั้น”
ทั้งนี้แม้จะเคยบอกว่าขอเวลาในการ “บ่ม” วิลเชียร์ ให้พร้อมกว่านี้ แต่เวนเกอร์ กลับรีบเปิดทางให้เจ้าหนูคนนี้หลังทำผลงานสุดยอดในฤดูกาลที่แล้วด้วยการยิงไป 13 ประตูจากการเล่น 19 เกมในทีมชุดอายุต่ำกว่า 18 ปีของอาร์เซนอล
วิลเชียร์ คือนักเตะอายุน้อยที่สุดที่เวนเกอร์ดึงตัวมาเข้าค่ายเก็บตัวในช่วงปรีซีซั่นที่ออสเตรีย และเจ้าหนูคนนี้ก็ไม่รอโอกาสนานเพราะสามารถยิงได้ 2 ประตูในเกมกับเบอร์เกนลันด์ และสตุ๊ทการ์ท ก่อนจะได้เจอกับทีมยักษ์ใหญ่อย่างยูเวนตุสและเรอัล มาดริด ในเกมอุ่นเครื่องที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
นี่คือความภูมิใจครั้งใหม่สำหรับเวนเกอร์ ที่จะได้ดันเด็กคนนี้ - ที่คาดว่าจะเป็นหนึ่งในแกนนำของสายเลือดใหม่อาร์เซนอล ที่น่าจะสร้างปรากฏการณ์เหมือนที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยดันเด็กใน “ยุคทอง” อย่างเดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, พี่น้องเนวิลล์ และนิคกี้ บัตต์ ขึ้นมาช่วยทีมจนคว้าแชมป์ได้
ขณะที่เบรดี้ กล่าวถึงวิลเชียร์ เด็กที่เกิดในครอบครัวที่ดีและได้รับการสั่งสอนมาอย่างดีจากครอบครัวให้ทำตัวติดดิน สงบเสงี่ยม เคารพและเชื่อฟังผู้ใหญ่เสมอว่า “แจ็ค วิลเชียร์ ตอนนี้เริ่มที่จะมีชื่อเสียงแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นเด็กหนุ่มที่ทำตัวติดดินเสมอ”
“เขาต้องการจะประสบความสำเร็จในวงการฟุตบอลให้ได้ และเป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่นมาก ผมคิดว่าแจ็ค มีความพิเศษอยู่ในตัว”
“ข้อได้เปรียบสำหรับเด็กๆพวกนี้ที่อาร์เซนอลก็คือการที่มีผู้จัดการทีมที่ตั้งใจจะทำงานร่วมกับเด็กๆเหล่า”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสัปดาห์ที่มีเกมทีมชาติ เขาจะพาเด็กๆพวกนี้มาซ้อมด้วยและจะเติมความมั่นใจให้เด็กๆได้กลายเป็นแบบฉบับในอย่างที่อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องการ เพียงแต่ต้องไม่มั่นใจจนเกินไปเท่านั้น”
ใช่ - มั่นใจแต่ไม่มากเกินไป สงบเสงี่ยมแต่ไม่เจียมตัวที่จะโชว์พรสวรรค์
แจ็ค วิลเชียร์ … จำชื่อนี้ไว้ให้ดีๆแล้วกัน